ทำไมถึงมีภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าแบรนด์เนมทำไมถึงมีภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าแบรนด์เนม
สำหรับการเติบโตและพัฒนาของประเทศส่วนหนึ่งมาจากภาษี ซึ่งภาษีนี้เป็นเงินที่จัดเก็บจากภาษีในด้านต่างๆเพื่อนำภาษีเหล่านั้นมาพัฒนาประเทศเป็นมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกใช้เหมือนกันคือการเก็บภาษีเพื่อบำรุงรัฐโดยขึ้นอยู่กับกฎหมายและค่าเฉลี่ยการเก็บภาษีของแต่ละประเทศ โดยจะมีภาษีในการจัดเก็บที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งในประเทศไทยมีการจัดเก็บภาษีในส่วนต่างๆที่แตกต่างกันออกไปจึงส่งผลทำให้สินค้าแบรนด์เนม ซึ่งจัดว่าเป็นสินค้าประเทศ luxury มีการจัดเก็บภาษีตามกฎหมายในจำนวน 30-60 เปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับตัวสินค้า สินค้าแบรนด์เนมเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่สามารถขายตัวเองได้ โดยมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามกฎหมายจัดว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยส่งผลให้สินค้าแบรนด์เนมในประเทศไทยมีราคาขายในประเทศสูงกว่าประเทศอื่นจึงมีเป็นเหตุผลที่นักชอปปิ้งชาวไทยนิยมเดินทางไป shopping สินค้าแบรนด์เนมในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง มาเก๊า ซึ่งสินค้าสินค้าแบรนด์เนมจะมีราคาที่ถูกกว่าไทย แต่ละประเทศต่างมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในสินค้าชนิดต่างๆเช่นเดียวกับในประเทศไทยเพียงแต่ว่าภาษีในบางส่วนของประเทศเหล่านั้นมีการจัดเก็บที่น้อยกว่าทำให้สินค้าชนิดเดียวกันของประเทศไทยและประเทศอื่นมีราคาขายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกฎหมายในแต่ละประเทศที่มีการกำหนดออกมา และในปัจจุบันมีการปรับกฎหมายโดยของใช้ส่วนตัวของผู้เดินทางไปต่างประเทศและเข้ามาในประเทศต้องมีมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท หากมีการเดินทางไปช็อปปิ้งในต่างประเทศและมีการซื้อสินค้าแบรนด์เนมจำเป็นต้องสำแดงสินค้าเพื่อเสียภาษี ในส่วนนี้เป็นมาตรการทางกฎหมายที่ออกมาใหม่และได้รับความฮือฮาอย่างมากถึงแม้ว่าจะเป็นสินค้าที่ซื้อเพื่อใช้เองแต่มูลค่าต้องไม่เกิน 20,000 บาท หากเกินกว่านั้นจำเป็นต้องเสียภาษีศุลกากร โดยขึ้นอยู่กับการประเมินของเจ้าหน้าที่แต่ถึงแม้จะมีการจัดเก็บภาษีแต่สินค้าบางชนิดเมื่อซื้อในต่างประเทศและมีการเสียภาษีนำเข้าก็ยังมีราคาที่ถูกกว่าหากซื้อสินค้าชนิดนั้นในประเทศไทย ส่งผลทำให้ยังมีนัก shopping [...]